วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Hero



จิมมี่  เลี่ยว  คือ นักเขียนชานไต้หวันที่โด่งดังระดับโลก

ประวัติ
A Chance of Sunshine หนังสือภาพสุดโรแมนติกของเขาที่ถูกแปลไปกว่า 11 ภาษา
เขาคือผู้ให้กำเนิด "หนังสือภาพสำหรับผู้ใหญ่" ผลงานของเขามีสไตล์ลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์
สีสันสดใส แต่เต็มไปด้วยความเหงาและเศร้า ซึ่งสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเกิดขึ้นจากการ
วาดรูปเพื่อบำบัดตัวเองในช่วงที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมียขั้นรุนแรง  
ตอนนี้เขาเป็นนักวานภาพปรพกอบที่ดังระดับโลกและมีบริษัทที่ชื่อว่า Jimmy S.P.A.
สำนักงานขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่มีรูปวาดของเขาติดแทนลายวอลเปเปอร์ทั่วทุกผนัง
เมื่อพูดถึงชีวิตในวัยเด็ก สิ่งแรกที่เขาคิดถึงก็คือ ความเหงา เขาโตที่ชนบทกับย่า
 ซึ่งรอบๆบ้านไม่มีใครเลยมีแต่ทุ่งกว้าง เมื่อเขาเดินเข้ารั้วมหาลัยก็ไม่่ต่างอะไรกับเเด็กที่ไร้เป้าหมาย
ซึ่งเขาได้เลือกสมัครเรียนศอลปะตามเพื่อนและมันก็ทำให้เขารู้ว่าคงเอาดี้านการวาดรูปไม่ได้
เพราะเพื่อนๆล้วนแต่มีพื้นฐานที่ดีมากซึ่งตรงข้ามกับเขาและเขาจึงเลือกไปเรียนในด้านที่
วาดภาพน้อยที่สุดก็คือกราฟิกดัไซน์ แล้วก็เริ่มู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้น และก็ทำให้รุ้ว่าตัวเอง
มีเซนส์ในการใช้สี  เมื่อจบเขาด้ออกมาทำงานในบริษัทโฆษณาระดับท็อป 3 แห่งของโลก
ซึ่งเขาก็ทำได้ไม่ดีนัก ทำให้รุ้ว่ามันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้อยากจะทำนัก หลังจากนั้นเขาก็หัดวาดรูป
และเริ่มทำอย่างจริงจัง เอางานไปเสนอตามสำนักพิมพ์ต่างๆและก็เริ่มได้ทำงานวาดภาพประกอบ
หลังจากนั้นอีก 2-3  ปี ก็เริ่มมีงานมากขึ้น แล้วเขาก็ตัดสินใจออกจากวงการโฆษณา
 เป้าหมายต่อไปของเขาก็คืออยู่บ้าน เพื่อวาดรูป
1 ปีหลังจากนั้นเขาก็เริ่มมีอาการป่วย ซึ่งทำให้เขารู้ว่าตัวเองเป็นลูคีเมียตลอดระยะ 5 เดือนที่รักษาตัว
ทำให้เขามีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลเขากลับมาวาดรูปอีกครั้ง คราวนี้รูปที่เขาวาด
มันไม่เหมือนรูปวาดก่อนที่ป่วยเลย มีแต่ความเหงาความเศร้า แต่ตั้งนั้น นั้นเป็นรูปวาดที่ดีมากเขาได้กลับ
เข้าสู่วงการภาพประก่อบอีกครั้ง และมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกับอาการของเขาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
เช่นกัน  ตอนนี้เขาก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก



เหตุผลที่ชอบ คือ ชอบในลายเส้นและทักษะการใช้สีของเขา คือเขาไม่ลิมที่จะให้ความสำคัญของทุกภาพ
สีแต่ละสีแสดงบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกของภาะได้อย่างดี และชอบในวิธีการสื่อสารที่เขาใช้ภาพแทนตัว
หนังสือซึ่งเราสามารถเข้าใจภาพได้โดยการมองของเรา ซึ่งการสื่อสารแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นคนละเชื่อชาติกัน
หรือต่างภาษากันก็สามารถที่จะเข้าใจได้ด้วย

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Thai Eco label

โครงการออกแบบ eco label ของไทยใหม่ โดยใช้หลักแนวความคิดเดิม สื่อความหมายเดิม









วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Home


ธรรมชาติได้ทำประโยชน์ให้เรามากมาย แต่เราเคยทำอะไรให้ธรรมชาติบ้างรึปล่าว  คำถามนี้เกิดขึ้นมาในสมองหลังจากที่ได้ดูภาพยนต์เชิงสารคดีเรื่อง Home ที่เรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปของโลกจากอดีตสู่ปัจจุบัน

“โลก” บ้านหลังใหญ่ของมวลมนุษยชาติทุกเผ่าพันธุ์ที่ดำรงอยู่นี้ ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ มนุษย์และธรรมชาติอยู่อย่างพึ่งพากันมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อมนุษย์รู้จักการทำการเกษตร เพาะปลูก ใช้ไฟและเริ่มรู้จักการแปลเปลี่ยนวัถุดิบที่ได้มาจากธรรมติ มาเป็นพลังงาน ทุกๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ระบบนิเวศน์ที่เคยสมดุลก็ถูกทำลายลง มนุยษ์เริ่มมีความเห็นแก่ได้  ตักตวงทรัพยากรจากธรรมชาติมากมาย นำมาใช้จนเกินความพอดี  มนุษย์นำความเจริญมากมายเข้ามาลุกล้ำสู่ผืนป่าความเจริญแผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง แต่กลับกัน ผืนป่าที่มีอยู่ก็ลดน้อยถอยร้นไปเรื่อยๆ ทรัพยาการที่นำมาใช้ก็เหลือน้อยลงเช่นกัน ภาพยนต์ฌชิงสารคดีเรื่องนี้ได้สะท้อนเรื่องราวดังกล่าว ด้วยการนำเสนอภาพในมุมที่ต่างออกไปโดยการเสนอภาพในมุมบน เกือบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งนอกจากเราจะได้เห็นภาพในมุมที่สวยๆแล้วภาพยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลได้เป็นอย่างดี


EcoDesign & GreenDesign

การออกแบบอย่างยั่งยืน (Sustainable design) หรือการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green design, Eco-design หรือ Design for the environment) นับเป็นกระแสหลักของการออกแบบยุคใหม่ที่นักออกแบบหลายต่อหลายคนต่างให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน กระแสที่ว่ากำลังได้รับความสนใจในหลายวงการไม่ว่าจะเป็นวงการสถาปัตยกรรม การ
ออกแบบภูมิทัศน์ การออกแบบและวางผังเมือง วิศวกรรม การออกแบบกราฟฟิก การออกแบบอุตสาหกรรม การออกแบบภายใน หรือแม้แต่การออกแบบแฟชั่น







สิ่งประดิษฐ์ที่น่ายกย่องในความ(ช่าง)คิดของคนญี่ปุ่นชิ้นนี้ต้องขอชมว่าคุณสมบัติของมันนั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เพราะเจ้าสิ่งประดิษฐ์นี้ก็คือ “ที่เย็บกระดาษแบบไม่ต้องใช้ลวดเย็บกระดาษ” เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยลดขยะอันเกิดจากลวดเย็บกระดาษซึ่งแม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่ก็มีการใช้งานในปริมาณมหาศาลเลยทีเดียว
หลักการทำงานของเจ้าเครื่องนี้นั้นน่าทึ่งไม่น้อยเลยล่ะ เพราะกลไกที่คิดประดิษฐ์ขึ้นนั้นไม่ใช่การประดิษฐ์อีกสิ่งเพื่อมาใช้แทนลวดเย็บกระดาษ (ทำให้เกิดขยะชิ้นใหม่เพิ่ม) แต่มันเป็นการทำกระดาษที่เราจะเย็บนั้นแหละให้เป็นตัวยึดติดกระดาษด้วยกันเอง ซึ่งการทำงานนั้นเจ้าเครื่องนี้จะเจาะกระดาษให้เป็นรูแล้วกรีดให้เป็นตัวล็อก หลังจากนั้นก็จะมีกระบวนการนำกระดาษมาเหน็บเพื่อเย็บติดกันด้วยกระดาษโดยอัตโนมันติ (ดูวิดีโอประกอบอาจเข้าใจยิ่งขึ้น) เสร็จแล้วก็จะได้กระดาษที่เย็บติดกันดังรูปล่ะ

รูปทรงง่ายๆ พร้อมวิธีการใช้งานง่ายๆ และเป็นการช่วยโลกง่ายๆ นี้ เป็นความช่างคิดที่อยู่บนพื้นฐานของการช่วยลดปริมาณขยะโลกที่ดีเยี่ยมทีเดียวเลยล่ะ 
ดูวิธีการใช้งานได้ที่วิดีโอข้างล่างนี้เลย


http://www.youtube.com/watch?v=y0rWsCU7Wfw&feature=player_embedded

T-SHIRT




Concept  :  ช่วยโลกได้ด้วยการใช้เส้นใยจากธรรมชาิ

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

ทดลอง





* ในกรณีที่กำหนดพื้นที่สี่เหลี่ยมให้มีขอบเขตกว้างยาวไม่เกินตัวอักษรและประกอบเป็น 3D โดยใช้ form ของตัวนั้นๆสร้างตัวอักษรขึ้น









* แต่ตัว I หายไปและ font บางตัว form มีแค่ส่วนเดียว และบางตัวเมื่อประกอบออกมาแล้วก็จะดูไม่ออกว่าเป็นตัวนั้น